หลักสูตรระยะสั้น
Student VISA
(1 ปี 6 เดือน – 2 ปี)
สถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นทุกระดับ ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาญี่ปุ่นในการเรียนการสอน ดังนั้น นักเรียนต่างชาติจำเป็นจะต้องรู้ภาษาญี่ปุ่นเพียงพอที่จะเข้าใจการเรียนการสอนในสถาบันระดับอุดมศึกษาได้
นอกจากนั้นการมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นจะเอื้อประโยชน์ต่อการทำงาน ซึ่งบุคลากรที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเป็นที่ต้องการของบริษัทญี่ปุ่นที่มาลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก จึงทำให้ในปัจจุบันมีนักเรียนไทยเดินทางไปเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นทุกปี
การเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่น จะสามารถพัฒนาได้เร็ว เนื่องจากได้ฝึกฝนการพูดในสถานการณ์จริง และยังได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบใกล้ชิด หรือจะพูดอีกอย่างว่า การได้เรียนรู้จากชีวิตจริง และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมของชาวญี่ปุ่นมากขึ้นด้วย
แม้ว่าในปัจจุบัน คนไทยเราจะไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน
แต่การไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ในระดับมัธยมปลาย วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นหลักสูตรระยะยาว (1-2 ปี) นั้น ยังต้องขอวีซ่า โดยที่เราจะไปเรียนไปใช้ชีวิตในญี่ปุ่นกันด้วย วีซ่า “นักเรียน” Student visa หรือ 留学 : ryugaku
คุณสมบัติผู้สมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น
- อายุ 18 - 30 ปี
- ไม่เคยหลบหนีที่ญี่ปุ่น
- มีประวัติการเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างน้อย 150 ชั่วโมงและเทียบเท่าระดับ JLPT N5 ขึ้นไป หรือมีผลสอบวัดระดับ JLPT N5 หรือผลสอบวัดระดับอื่น ๆ ที่เทียบเท่าระดับ JLPT N5 ขึ้นไป
- ต้องมีเป้าหมายในการไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นอย่างชัดเจน
การเรียนการสอน
หลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะยาว เป็นการเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างจริงจัง เพื่อใช้ในการทำงานในอนาคต หรือเพื่อศึกษาต่อในระดับสูงของญี่ปุ่น ใช้เวลาในการเรียนตั้งแต่ 1 – 2 ปี โดยมีชั้นเรียนตั้งแต่เริ่มต้น สำหรับผู้เริ่มเรียนไปจนถึงระดับสูง
การสอบเพื่อวัดระดับชั้นเรียน
ระดับชั้นเรียนจะแบ่งเป็นระดับต้น ถึงระดับสูง โดยเมื่อนักเรียนเดินทางถึงญี่ปุ่นแล้ว ทุกโรงเรียนจะมีการทดสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น เพื่อจัดให้เข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมกับพื้นฐานความรู้ของนักเรียน โดยเป็นสิทธิของทางโรงเรียนที่จะพิจารณาผลการสอบของนักเรียน ณ เวลานั้น ว่าสามารถทำข้อสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ได้มากน้อยแค่ไหน ประกอบกับระบบการแบ่งชั้นเรียนของทางโรงเรียนเอง ไม่เกี่ยวกับระดับชั้นเรียนหรือผล
สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นที่เคยสอบมาใด ๆ ทั้งสิ้น ฉะนั้น การที่จะต้องเรียนซ้ำในส่วนที่เคยเรียนมาแล้วก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปรกติ โดยเฉพาะในส่วนของทักษะการฟังและการพูด
อย่างไรก็ตาม หากนักเรียนคิดว่าชั้นเรียนนั้นไม่เหมาะสมกับตนเอง สิ่งที่ต้องทำคือ ” แสดงให้อาจารย์ผู้สอนเห็นว่า ตนเองมีความรู้และทักษะการใช้ภาษาญี่ปุ่นทั้งการฟัง พูด อ่านและเขียน มากกว่าระดับที่กำลังเรียนอยู่ เช่น ตอบคำถามให้มากที่สุด ถูกต้องไม่ผิดเลย ทำการบ้านได้ถูกต้อง ทำคะแนนสอบย่อยได้เต็ม เป็นต้น หากทางโรงเรียนมีชั้นเรียนในระดับที่สูงกว่าและเหมาะสมกับความรู้ของเรา แน่นอนว่าทางโรงเรียนพร้อมที่จะย้ายให้ไปเรียนในระดับที่เหมาะสม
หลักสูตร (1 ปี 6 เดือน – 2 ปี)
ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
- คลาสช่วงเช้า และช่วงบ่าย จะเรียน วันละ 4-5 ชั่วโมง (วันจันทร์-วันศุกร์)
- คลาสเรียนแบ่งตามระดับของผู้เรียน
- เมื่อสมัครแล้ว จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นพื่นฐาน 150 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง (สำหรับผู้ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่น) โดยค่าใช้จ่ายเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละโรงเรียน
- หากมีใบวัดระดับภาษา สามารถนำมาเป็นส่วนลดค่าเรียนได้
งานพาร์ทไทม์ アルバイト
กรณีที่นักเรียนสนใจทำงานพาร์ทไทม์ ทางโรงเรียนจะแนะนำงานให้
สายงานที่นักเรียนต่างชาติสามารถทำได้คือ พนักงานเสริฟ์ร้านอาหาร พนักงานร้านสะดวกซื้อ โรงงานแพ็คสินค้าต่างๆ ร้านฟาสต์ฟูด ร้านขายขนมปัง ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายดอกไม้ ที่ทำการไปรษณีย์ โรงงาน ฯลฯ หากทักษะภาษาญี่ปุ่นดีมาก อาจเป็นครูสอนภาษาไทยให้กับชาวญี่ปุ่น ซึ่งค่าตอบแทนจะค่อนข้างสูงกว่างานอื่น ๆ
(รายได้ ต่อ 1 ชั่วโมง จะอยู่ที่ 1,000 เยน – 1,500 เยน) และกฎหมายกำหมดให้นักเรียนต่างชาติทำงานได้ ไม่เกิน 28 ชั่วโมง/สัปดาห์
ตัวอย่างหอพัก
เรายืนยันว่านักเรียนต้องการหอพักทันทีที่การลงทะเบียนอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้น จะมีการจัดเตรียมที่พักที่จำเป็นก่อนที่นักเรียนจะมาถึงญี่ปุ่น หอพักมีอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ฟูกนอน หม้อหุงข้าวไฟฟ้า อุปกรณ์ให้แสงสว่าง ฯลฯ จักรยานเตรียมไว้สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของนักเรียน เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนจะให้การสนับสนุนอย่างดีที่สุดแก่นักเรียนของเรา เพื่อให้พวกเขามีสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายตั้งแต่วันแรกที่ญี่ปุ่น
สิ่งอำนวยความสะดวก
ฟูก
อุปกรณ์ส่องสว่าง
เครื่องซักผ้า
เตาแก๊ส
ตู้เย็น
หม้อหุงข้าว จาน ช้อนส้อม
ห้องน้ำ
ผ้าม่าน
เครื่องปรับอากาศ
อินเทอร์เน็ต
วีซ่านักเรียนรอบเดือน ตุลาคม 2565
เรียนภาษาจบแล้วสามารถเรียนต่อได้ไหม?
สามารถเรียนต่อ วิทยาลัยเฉพาะทาง 専門学校(senmon gakkou)หรือ มหาวิทยาลัย 大学校(daigakkou)ในประเทศญี่ปุ่นได้
โดยเฉพาะการเรียนในสถาบันการศึกษาที่เน้นการเรียนทักษะเฉพาะทาง เรียกว่าเซมมงกักโค 専門学校(senmon gakkou)
โดยเฉพาะการเรียนในสถาบันการศึกษาที่เน้นการเรียนทักษะเฉพาะทาง
เรียกว่าเซมมงกักโค 専門学校
専門 senmon หมายถึงเฉพาะด้าน เฉพาะทาง
学校 gakkou คือโรงเรียน
แปลตรงตัวจึงหมายถึงโรงเรียนที่สอนวิชาเฉพาะทาง เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญแบบมืออาชีพในสาขานั้นๆ โดยเฉพาะ ใครชอบอะไร มีความสนใจด้านไหน ก็เข้าเรียนด้านนั้นๆแบบเจาะลึกกันไปเลย
เซมมงกักโค เรียกว่าเป็นการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เนื่องจากตั้งแต่อดีต คนญี่ปุ่นไม่ได้ซีเรียสกับการที่จะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัยเพื่อให้ได้ปริญญาบัตร ดังนั้นเมื่อจบม.ปลายแล้ว นักเรียนบางส่วนจะเข้าสู่การทำงานเลย และมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเข้าเรียนต่อในเซมมงกักโค เพื่อฝึกทักษะอาชีพก่อนที่จะจบออกไปทำงาน
หลักสูตรที่เปิดสอนในวิทยาลัยอาชีวศึกษา หลักสูตรวิชาชีพชั้นสูง
01.
สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์
ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารไร้สาย การจัดการข้อมูลข่าวสาร มัลติมิเดีย เครื่องจักรกลสถาปัตยกรรม โยธา และช่างสำรวจ ช่างยนต์ เทคโนโลยีการแพร่ภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ และอื่น ๆ
02.
สาขาวิชาเกษตรศาสตร์
การเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ พืชสวน ธุรกิจไม้ดอก และอื่น ๆ
03.
สาขาวิชาการรักษาพยาบาล
พยาบาลศาสตร์ เทคนิคทันตกรรม สุขภาพช่องปาก เทคนิคการแพทย์ Clinical Engineer รังสีวิทยา กายภาพบำบัด การฝังเข็ม การรักษาด้วยความร้อนแบบแพทย์แผนโบราณของจีน การนวดกดจุด การต่อกระดูก Medical Secretary และอื่นๆ
04.
สาขาวิชาสุขวิทยา
การประกอบอาหาร การผลิตขนม โภชนาการ การเสริมสวย การตกแต่งทรงผม การเสริมความงาม การแต่งหน้าและอื่นๆ
05.
สาขาวิชาด้านการศึกษาและสังคมสงเคราะห์
ครูโรงเรียนอนุบาล ครูศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ผู้ดูแลส่วนตัว (เช่น ดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ) นักสังคมสงเคราะห์ Sociophysical และอื่นๆ
06.
สาขาวิชาพาณิชยศาสตร์ภาคปฏิบัติ
บัญชี ธุรกิจ เลขานุการ การโรงแรมและการท่องเที่ยว การจัดการข้อมูลข่าวสาร อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ
07.
สาขาวิชาการออกแบบเสื้อผ้าและคหกรรม
การตัดเย็บ การออกแบบเครื่องแต่งกาย ธุรกิจแฟชั่น ชุดกิโมโน การเย็บปักถักร้อย และอื่นๆ
08.
สาขาวิชาศิลปศาสตร์และวัฒนธรรม
ภาษาศาสตร์ การออกแบบ ศิลปะ การถ่ายภาพ โฆษณาประชาสัมพันธ์ วิทยุ-โทรทัศน์ การแสดง ดนตรี พลศึกษา การจัดการสัตว์ และอื่นๆ
ความรู้ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น
- เป็นผู้ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนในสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงยุติธรรมและสมาคมส่งเสริมการศึกษา
- ภาษาญี่ปุ่น ( และมีอัตราการเข้าเรียน 80% ขึ้นไป )
- เป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น Japanese Proficiency Test (JLPT) ระดับ N2 เป็นอย่างต่ำ
- เป็นผู้ที่ได้คะแนนการสอบเข้าศึกษาต่อสำหรับนักเรียนต่างชาติ (EJU) มากกว่า 200 คะแนนขึ้นไป ในวิชาภาษาญี่ปุ่น
- เป็นผู้ที่เคยศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษา หรือมัธยมศึกษาต้น หรือมัธยมศึกษาปลายของญี่ปุ่นเป็นเวลาตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
วิทยาลัยที่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติ
การสอบในญี่ปุ่น โดยทั่วไปจะมีการจัดสอบหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เพื่อรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนในภาคเรียนเดือนเมษายนปีถัดไป
มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ปริญญาตรี 大学校 ( Undergraduate)
การเรียนมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ระดับ ปริญญาตรี โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการศึกษา 4 ปี ยกเว้นคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสัตวแพทยศาสตร์ จะใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้นรวม 6 ปี
มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
-
มหาวิทยาลัยรัฐบาล
คือมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งโดยรัฐบาลกลางของญี่ปุ่น ในแต่ละจังหวัดจะมีมหาวิทยาลัยของรัฐบาล 1 แห่งเป็นอย่างต่ำ -
มหาวิทยาลัยท้องถิ่น
คือมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งโดยองค์กรปกครองตนเองส่วนท้องถิ่น -
มหาวิทยาลัยเอกชน
คือมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งโดยเอกชน
แม้ว่าจะแบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 ประเภทตามองค์กรที่จัดตั้งก็ตาม แต่ทั้ง 3 ประเภทก็ถูกจัดตั้งขึ้นด้วยมาตรฐานเดียวกัน คุณภาพทางการศึกษาในระดับเดียวกัน ต่างกันที่ค่าใช้จ่ายของเอกชนจะแพงกว่าของรัฐบาลและท้องถิ่น
เงื่อนไขในการเข้าศึกษาใน มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ปริญญาตรี
- จบการศึกษาหลักสูตร 12 ปี ( นับจาก ป.1 – ม.6 ) หรือมีวุฒิเทียบเท่าการศึกษาหลักสูตร 12 ปี
- จบการศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการรับรองแล้วว่าเทียบเท่าโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
- มีใบรับรอง International Baccalaureate, Abitur หรือ Baccalaureate
- จบการศึกษาหลักสูตร 12 ปี จากโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรต่างประเทศ (WASC,CSI,ACSI)
- มหาวิทยาลัยได้พิจารณาคุณสมบัติแล้วให้เข้าศึกษา
*ในข้อ1-2 นั้น กรณีศึกษาไม่ครบระยะเวลา 12 ปี จำเป็นต้องศึกษาในหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นเพื่อเตรียมศึกษาต่อที่ได้การรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการฯ ญี่ปุ่น ได้แก่ โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น
เมื่อนักเรียนสมัครไปกับทางโรงเรียน ก็จะเหลือแค่การสมัคร สอบ EJU และยื่นคะแนนตามแต่เงื่อนไขของแต่ละมหาวิทยาลัยเท่านั้น
ซึ่งการสอบ EJU เป็นการจัดสอบสำหรับนักศึกษาต่างชาติทุนส่วนตัวที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น เพื่อวัดความสามารถทางการศึกษาและความสามารถในด้านภาษาญี่ปุ่น โดยจะใช้ผลการสอบนี้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณารับนักศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อ
สำหรับการสำเร็จการศึกษา
มหาวิทยาลัยส่วนมากกำหนดจำนวนหน่วยกิตไว้อย่างน้อย 124 หน่วยกิต (ยกเว้นคณะแพทย์ศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ จะต้องได้หน่วยกิตอย่างน้อย 188 หน่วยกิต ส่วนคณะสัตวแพทยศาสตร์ต้องได้หน่วยกิต อย่างน้อย 182 หน่วยกิต ) หลังจากสำเร็จการศึกษา นักศึกษาจะได้รับวุฒิ ” ปริญญาตรี ” ( Gakushi )
14 อาชีพสาหรับชาวต่างชาติในประเทศญี่ปุ่น
ในแง่ของโอกาสในการทำงาน ประเทศอย่างประเทศญี่ปุ่นที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วก็เป็นที่น่าสนใจ และถ้าหากคุณสนใจในการทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น คุณก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน โดยจะมีงานต่าง ๆ ให้คุณได้เลือกทำดังนี้
01.
วิศวกร
บริษัทในประเทศญี่ปุ่นหลายแห่ง (รวมทั้งบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่) มักจะเปิดรับวิศวกรชาวต่างชาติเข้ามา และนอกจากนี้ก็ยังมีงานวิศกรรมดี ๆ อย่างอื่นอีกมากมายในประเทศญี่ปุ่น
02.
ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่ง ประสบปัญหาเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งไปยังต่างประเทศช้า ร้านค้าไอทีส่วนใหญ่จึงได้รับการว่าจ้างจากชาวต่างชาติอย่างน้อยสองถึงสามรายในธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
03.
หน่วยงานวาณิชธนกิจ
ธนาคารเพื่อการลงทุนต่างชาติ มีแนวโน้มที่จะจ้างแรงงานต่างประเทศจำนวนมากในโตเกียว โดยมีประวัติการจ้างแรงงานจำนวนมากในช่วงหนึ่งปี แต่จะเลิกจ้างงานในปีถัดไปอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือได้ว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คงที่นัก นอกจากนี้ธนาคารเพื่อการลงทุนไม่เพียงแต่จะจ้างพนักงานธนาคาร แต่ยังจ้างพนักงานไอทีอีกจำนวนมากที่สามารถพัฒนาโครงการซอฟต์แวร์ใหญ่ ๆ หลายโครงการที่สำนักงานในกรุงโตเกียว
04.
ครูสอนภาษาอังกฤษ
ครูสอนภาษาอังกฤษเป็นที่รู้จักกันดีในสายงานการทำงานในประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบัน โรงเรียนใหม่ ๆ ที่สร้างขึ้นมา มีเงื่อนไขที่ยากขึ้นสำหรับคุณครู ยกตัวอย่างเช่น จะจ่ายเงินเดือนตามบทเรียนมากกว่าเงินเดือนจริง ๆ แต่ครูสอนภาษาอังกฤษมักจะไม่ค่อยรู้สึกเสียดายที่ตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงินก้อนกลับมา แต่ก็ได้ประสบการณ์ดี ๆ
05.
สำนักงานทั่วไป
หากคุณมีวีซ่าที่ถูกต้องตามกฏหมายและมีความสามารถในเรื่องของภาษาญี่ปุ่น ก็จะสามารถทำงานที่ถูกกฏหมายได้ ซึ่งคุณครูสอนภาษาอังฤษหลายคนก็ย้ายจากห้องเรียน มาทำงานยังสำนักงานได้อย่างประสบความสำเร็จ
06.
อุตสาหกรรมการบริการ
วีซ่าและภาษาเป็นสองอย่างที่เป็นอุปสรรคในเรื่องของความปลอดภัยในการทำงานของประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าหากคุณมีสองสิ่งนี้ จะทำงานอะไรก็ย่อมได้ อุตสาหกรรมการบริการจะต้องใช้ keigo (คำสุภาพที่เป็นทางการของญี่ปุ่น) ได้ และยังมีชาวต่างชาติในประเทศญี่ปุ่นทำงานที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหรือสอนสโนว์บอร์ดอีกจำนวนมาก
07.
บริษัทของประเทศญี่ปุ่นที่ขยายออกไปทั่วโลก
หลายบริษัทในญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงกำลังผลักดันตนเองให้ขยายสู่ตลาดโลก และบริษัทเหล่านี้ได้แสวงหาผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถจากต่างประเทศ ทั้งยังมีบริษัทสองสามบริษัทของญี่ปุ่นที่มีนโยบายใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในสำนักงานเท่านั้นอีกด้วย
08.
ธุรกิจเล็กขนาดย่อย
ประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับที่ 20 จากทุกประเทศทั่วโลกที่มีดัชนีเรื่องความสะดวกในการทำธุรกิจของธนาคารโลก การเริ่มธุรกิจขนาดย่อยจะเป็นสิ่งที่ยากลำบาก และหากเป็นชาวต่างชาติก็จะยิ่งยากไปอีกเท่าตัว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้ประกอบการบางรายที่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น
09.
บาร์
รัฐบาลญี่ปุ่นระงับไม่ให้ชาวต่างชาติและผู้ถือบัตรวีซ่าบางประเภททำงานในบาร์ ถึงอย่างไร ชาวต่างชาติต่างก็เลิกทำงานในย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืน เช่น ย่านรปปงหงิ ทั้งหมด
10.
นักแสดง
หากคุณสามารถพูดและแสดงเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ ก็ไม่ยากเลยที่จะเข้าสู่วงการโทรทัศน์และหนังของญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นมีนักแสดงหญิงชาวต่างชาติและนักแสดงชายที่กลายเป็นดาวรุ่งค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังถือว่าพอมีอยู่บ้าง
11.
นางแบบ
โฆษณาสิ่งพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นต้องใช้นางแบบชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก แม้หน้าตาจะไม่ได้เป็นที่นิยมในญี่ปุ่นนานนัก แต่นางแบบจะถูกรับคัดเลือกโดยตรงจากต่างประเทศในสัญญาระยะสั้นอยู่แล้ว (รายได้ดี)
ผู้ที่ลงโฆษณาจะทำงานกับเอเจนซี่รายใหญ่เท่านั้น และจะตรวจสอบชื่อเสียงของเอเจนซี่ทุกครั้งก่อนจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และตัวเอเจนซี่เองก็ไม่ควรที่จะเรียกร้องเงินจากบรรดานางแบบนายแบบด้วย
12.
พนักงานขาย
อาชีพตำแหน่งการทำการตลาดระหว่างธุรกิจกับธุรกิจที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นจะต้องเป็นพนักงานขายชาวต่างชาติ บริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้มักต้องการขายให้กับบริษัทของชาวต่างชาติเองที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น (เช่น วาณิชธนกิจ)
13.
ผู้ที่สรรหาพนักงานใหม่ ๆ
บริษัทที่สรรหาชาวต่างชาติจะทำการอยู่ที่กรุงโตเกียว เพื่อจัดหาผู้เชี่ยวชาญให้กับบริษัทต่างชาติและบริษัทของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ธุรกิจนี้จะมาจากวาณิชธนกิจในต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะตามการขึ้นลงเช่นเดียวกับธนาคารที่จ้างงานหนึ่งปี และเลิกจ้างในปีถัดมา ผู้ที่สรรหาพนักงานจะได้ค่าคอมมิชชั่นและสามารถทำเงินได้เยอะในระยะเวลาไม่นาน
14.
นักวิจัยและตำแหน่งศาสตราจารย์
ประเทศญี่ปุ่นครองอันดับ 3 ของโลก ในเรื่องของการใช้จ่ายทางด้านการวิจัยและพัฒนา (144พันล้านบาทต่อปี)และประเทศญี่ปุ่นมักยินดีที่จะจ้างนักวิจัยที่ผลการเรียนติดอันดับและในบางพื้นที่ เช่น การวิจัยหุ่นยนต์ ประเทศญี่ปุ่นก็ติดอันดับต้น ๆ ที่นักวิจัยต้องการจะไปเช่นกัน ตำแหน่งศาสตราจารย์ (โดยเฉพาะสัญญาในระยะสั้น) ก็สามารถทำได้ในประเทศญี่ปุ่นได้ด้วย